organization cover

View From The Bus Tour

ศิลปะ วัฒนธรรม
เชียงใหม่, Thailand
คัดลอกลิงค์ไปยังคลิปบอร์ดแล้ว
1ผู้ติดตาม
Solo project of "Fender" Thanaphol Chumkhammool, a Chiang Mai-based artist who discovered freedom through music.
เป้าหมาย SDGs
10ลดความเหลื่อมล้ำ
11เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
การบริจาคให้กับองค์กรจะใช้สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปและไม่ได้เจาะจงเฉพาะโครงการ
0บาท ที่ระดมทุนได้
96ผู้สนับสนุน
การลดหย่อนภาษี ไม่ได้
เกี่ยวกับองค์กร

[English below]

เฟนเดอร์ ธนพล จูมคำมูล คือศิลปินเชียงใหม่ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์โปรเจค View From The Bus Tour หลาย ๆ คนอาจรู้จักเขาในบทบาทของนักร้องนำและผู้ประพันธ์ของวงอินดี้ไทย Solitude Is Bliss เป็นเวลาหลายปีที่เฟนเดอร์ได้เดินทางผ่านเสียงเพลง และต่อสู้เพื่อชีวิตของการเป็นศิลปินผู้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ให้กับวงการดนตรี View From The Bus Tour เปรียบเสมือนประตูสู่โลกแห่งซาวด์อินดี้โฟล์ค ที่พาเราย้อนเวลากลับไปยังวัยเด็ก การค้นพบ และการเคลื่อนไหวของโลก

เฟนเดอร์ กล่าวเสมอว่าเขาค้นพบอิสรภาพเป็นครั้งแรกผ่านการฟังดนตรี ในขณะที่เฝ้ามองโลกเคลื่อนไหลผ่านหน้าต่างไป บนเส้นทางรถทัวร์ในวัยเด็ก อิสรภาพผ่านเสียงนำพาเขาไปยังอีกมิติหนึ่ง ในพื้นที่ที่สิ่งที่ดำเนินภายในเคลื่อนผ่านไปสู่โลก ความเคลื่อนไหวคือฟันเฟืองในการสร้างสรรค์ผลงานของเขาในเวลาต่อมา

อัลบั้ม “am i moon” เป็นเดบิวต์แรกของเฟนเดอร์ในโปรเจคเดี่ยว View From The Bus Tour ที่ใช้เวลาบ่มนานร่วมสิบปี ผ่านการมองโลก จิตใจ และคำถามมากมายที่ได้สื่อสารผ่านการเล่นกับซาวด์วินเทจทดลอง ก้าวข้ามพรมแดนของแนวดนตรีไปไกล คล้าย ๆ สายลมที่พัดผ่านหน้าปลิวไสวที่จะได้ยินผ่านลูกเล่นของเครื่องดนตรีเช่นขลุ่ย รีคอร์เดอร์ และคาซู่ เคล้าเมโลดี้ซิกเนเจอร์ในแบบของศิลปิน รวมเป็นภาพในโสตที่ยากจะลบเลือนไปจากความทรงจำ การเดินทางของเฟนเดอร์ยังคงดำเนินต่อไป

-

“Fender” Thanaphol Chumkhammool, with his solo project ‘View From the Bus Tour’, is a Chiang Mai-based artist who discovered freedom through music. Moving through years of fighting to make a living as a musician, with his band becoming a household name in Asia’s music scene (“Solitude Is Bliss”), his unique ‘indie-folk’ sound opens doors to childhood memories, to his views of the world. - A journey through music that moves, heals, and keeps on evolving.

When he was young, music guided him to the discovery of “freedom” for the first time. While glancing at the view from the tour bus, with music in his ears, through the window, he felt safe, and found escapism through music. The experience fueled his creativity for his later musical creations, inviting us to feel the “movement” of our inner minds in relation to the world.

“am i moon”, View From The Bus Tour’s album debut took more than a decade to brew; a navigation of life through playful nostalgia. The album is an invitation to explore a mind full of questions; crossing genre barriers, yet seeking comfort in the storm. – Like a breath of fresh wind, we hear distinct sounds from the artist’s experimentation of vintage soundscapes through the years. – The blending of jolly flute-recorder, kazoo sounds, and the artists’ signature melodic flow creates a picturesque scene one can hardly forget. In an age of becoming, the artist journeys on.

ผลกระทบทางสังคม

วิวฟรอมเดอะบัสทัวร์ หลังจากการเดินทางแสดงสดนอกบ้านในฐานะโฟล์คเดี่ยวมาระยะหนึ่งก็ถึงเวลานำเสนอการแสดงสดเต็มรูปแบบในฐานะวงดนตรีที่ได้สมาชิกมาช่วยกันนำเสนอทิวทัศน์ของซุ่มเสียงที่จะไม่เป็นเพียงการบอกเล่าด้วยเนื้อหาจากเนื้อเพลงเท่านั้น แต่เป็นอารมณ์ที่มาจากท่วงทำนองและจังหวะที่ร้อยเรียงมาเพื่อบอกเล่าถึงมิติของความเป็นมนุษย์!

วงวิวฟรอมฯ แสดงสดครั้งแรกและครั้งเดียวไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาฯ 2023 ที่ร้านสุดสะแนนเชียงใหม่ และมีความต้องการจะโปรโมตเซ็ตการแสดงแบบวงให้เป็นที่รู้จักและเกิดการถูกจ้างมากขึ้น แต่วงมีความจำเป็นในการพัฒนาชั่วโมงบินและสร้างความคุ้นชินในการทำการแสดงต่อหน้าผู้คน จึงจำเป็นต้องหาโอกาสทำการแสดงในงานที่มีความกดดันต่ำและจำนวนการแสดงต้องมากพอที่จะทำให้บรรเทาความประหม่าและทำให้คุณภาพการเล่นดนตรีในฐานะทีมสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต่อยอดด้วยการประกาศอุดมการณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นนิยมไปพร้อมๆกับนำเสนอดนตรีของวิวฟรอมเดอะบัสทัวร์ด้วย

จุดยืนและการส่งต่อข้อความของวิวฟรอมฯได้คาบเกี่ยวระหว่างการนำเสนออุปนิสัยทางดนตรีและการสร้างความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมโดยการพูดถึงความเชื่อมโยงของประสบการณ์ปัจเจกชนต่อการเมืองและบริบทสังคมโดยรอบ วิวฟรอมฯดิ้นรนอยู่กับความพยายามผสมผสานสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันในการสื่อสารกับแฟนเพลงในทุกโอกาส (ดนตรีพอปและการเมือง) พยายามให้การเมืองเป็นสิ่งที่เข้าถึงและเข้าใจง่ายโดยใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือย่อยและส่งต่ออารมณ์ร่วมในสิ่งที่ดูเป็นข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งพบว่าเป็นเรื่องยากเสมอมาที่จะใช้สถานะบุคคลสาธารณะเป็นกระบอกเสียงพูดและเรียกความสนใจถึงเรื่องการเมืองและการพัฒนาสังคมโดยแยกโดดๆออกจากดนตรีโดนสิ้นเชิง ผู้คนไม่ยอมฟังเท่ากับที่คาดหวัง... อาจเป็นเพราะน้ำเสียงหรือสื่อกลางที่ไม่ได้ทำให้ผู้รับสารมีอารมณ์ร่วมด้วย (สิ่งที่กำลังพูดถึงนี่ก็น้ำเสียงวิชาก๊านวิชาการ) จึงเห็นว่าการผสมผสานการสื่อสารเป็นวิธีการที่น่าสนใจที่จะประดิษฐ์และทดลองทำ.

อัปเดต
ยังไม่มีการอัพเดทในขณะนี้